SO พบนักลงทุนวัน Opp Day ปักธงเป็น BPO Consultant ครบวงจร คาดครึ่งปีหลัง 65 ธุรกิจโตเพิ่ม10%
สยามราชธานี พบนักลงทุนวันออฟเดย์ เผยภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ขึ้นแท่นผู้นำด้านTech Company ด้านจ้างเหมาบริการครบวงจร Backlog ปลายปีแน่น พร้อมเดินหน้าลุยคว้าพันธมิตรใหญ่ต่อยอดธุรกิจ
บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำด้านธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจร(Outsourcing Services) เปิดเผยในงานวันที่ผู้บริหารพบนักวิเคราะห์และผู้ลงทุน (ออฟเดย์) เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา พร้อมเผยภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1/2565
นางสาวกัณธิมา แจ้งวันสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำด้านธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจร (Outsourcing Services) กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ SO เราได้นำทีม IT มาให้บริการลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ให้ Transform ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานเป็น BPO หรือBusiness Process Outsourcing เป็นที่ปรึกษาให้องค์กรต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็นTech Company เพื่อตอบสนองความต้องการในโลกปัจจุบัน และทำให้ลูกค้าสามารถโฟกัสกับธุรกิจหลักของตนเองได้ ซึ่งคาดการณ์ว่าในครึ่งปีหลัง 2565 ธุรกิจจะเติบโตขึ้น 10% ตามแผนที่วางไว้ จากBacklog ช่วงปลายปีทั้งกับลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ด้วย รวมถึงในช่วงไตรมาส 2-3 จะมีการต่อสัญญาลูกค้ารายเดิมของบริษัท
นายชินภัทร จาดเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ แผนกเทคโนโลยีและสารสนเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก SO จึงได้ใช้ระบบ BPO เข้าไปช่วย Digitize ปรับระบบการทำงานในองค์กรต่างๆ มีการส่งบุคลากรและนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มเข้าไปช่วยลูกค้า เช่น
1. Payroll Process Outsourcing จากเดิมที่ลงข้อมูลไว้ใน Excel ทำให้เกิด Human Error ขึ้น บริษัทได้นำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มเข้าไปช่วย อย่าง Tiktrack ระบบการลงเวลาในแอปพลิเคชั่น เพื่อให้ดูข้อมูลได้สะดวกขึ้น และ Digidocs โปรแกรมจัดการเอกสารออนไลน์ เมื่อนำไปใช้กับการคำนวณสามารถเช็คข้อมูลและลดเวลาจัดการข้อมูลได้
2. E-KYC & Client Onboarding เราได้ใช้การเดลิเวอรี่ ร่วมกับเทคโนโลยี Dip-Chip ยืนยันตัวตนให้กับลูกค้าถึงที่ พร้อมด้วยทีมแอดมินหลังบ้านที่คอยจัดการ Tracking ระบบของพนักงานเดลิเวอรี่ ประกอบกับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ทำการ Dip-Chip จะมีความปลอดภัย ข้อมูลส่วนบุคคลไม่รั่วไหล โดยลูกค้าองค์กรจะได้รับข้อมูลแบบ Real-Time สามารถเช็คได้ว่าได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
3. Vehicle Management Service (VMS) แอปพลิเคชั่นสำหรับการเช่ารถ สามารถดูข้อมูลได้ว่ารถที่เช่าไปมีความเคลื่อนไหวอย่างไร รวมถึงการจัดการข้อมูลรถยนต์ อัปเดตข้อมูลต่างๆแบบ Real-Time โดยไม่ต้องบันทึกข้อมูลบนกระดาษอีกต่อไป
4. Business Process Management (BPM) การจัดการระบบธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะระบบการจัดการเอกสาร (Document) จะมีการอัปเกรดจาก Digidocs เป็น Flow เพื่อช่วยเรื่องระบบจัดการเอกสาร มีการ Tracking จำกัดสิทธิการจัดการเอกสารต่างๆ ทำให้เอกสารปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม
นายณัฐนนท์ กฤษณรุ่งเรือง รองกรรมการผู้จัดการ แผนกบัญชีและการเงิน กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ว่า บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% จาก SO People เมื่อปีที่แล้ว ส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ในปี 2565 อยู่ที่ 96 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของปีก่อน แต่หากดูเปอร์เซ็นต์แล้ว ลดลงจากปีก่อน 16% จากเดิม 19.2% ปีนี้อยู่ที่ 17.6 % เนื่องมาจากรายจ่ายค่าซ่อมรถที่ถึงรอบระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลพนักงานที่ติดโควิด รวมทั้งค่าประกันสังคมที่จ่ายเพิ่มเป็น 5% จากเดิมที่จ่ายเพียง 3%ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารไตรมาสนี้มี ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าที่ปรึกษาซึ่งเป็นค่าที่ปรึกษาในการทำ (M&A) ที่เป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ ทำให้กำไรสุทธิ (Net Profit) จะเทียบเท่ากับไตรมาสแรกของปีก่อนที่ 39 ล้านบาท โดยเราจะเน้นธุรกิจ SO PEOPLE 77% ธุรกิจ SO WHEEL 11% ธุรกิจ SO NEXT 7% และธุรกิจ SO GREEN 5%
นายอภิวัฒน์ เกรียงวัฒนากุล รองกรรมการผู้จัดการ ด้านการลงทุนและโครงการ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าด้านการลงทุน (M&A) และการร่วมทุนกับธุรกิจ Outsource รายอื่น อาทิ ADI กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาในรายละเอียดด้านการบริหารจัดการทั้งด้านบุคลากร และระบบการจัดการหลังบ้าน คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นในอีกไม่ช้า นอกจากนี้ยังมีอีกประมาณ 2-3 รายที่บริษัทกำลังมองหาถึงความเป็นไปได้ในการร่วมทุน ในส่วนของ BitKub Coin เราเป็นหนึ่งใน 21 Validator Node ที่นำเอาเหรียญมาล็อคไว้ในสัญญากว่า 4 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องซื้อเหรียญเพิ่ม และได้ลงบันทึกเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนลงบันทึกมูลค่าทรัพย์สินเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทั้งหมดของสยามราชธานี อนาคตมองว่า SO จะเข้าสู่ธุรกิจ BPO ที่เน้นหลักในเรื่องการพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงเป็นที่ปรึกษากระบวนการทางธุรกิจสำหรับลูกค้า เพื่อช่วยลดเวลาในการบริหารจัดการ และต้นทุนได้ดีรวมถึงเน้นการ Outsource งาน high-skill workforce และ งาน BPO ซึ่งในอนาคตภายใน 3-5 ปีจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายใช้กลยุทธ์การลดหรือตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งเรื่องของเวลาและเงินทุน (Lean) โดยภาพรวมในช่วง 6 เดือนหลังปี 2565 จะเติบโตขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2565 ซึ่ง SO ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 10% ไม่รวมส่วน M&A ที่คาดว่าจะเป็นรายได้เพิ่มเติมในอนาคต